เปรียบเทียบขุมพลัง New nissan Kicks e-power และ Toyota C-HR ใครแรงกว่า ประหยัดกว่า แล้วคันไหนที่ใช่สำหรับคุณ
เริ่มจากฝั่งที่พึ่งเปิดตัวไปอย่าง nissan kicks e-power
ระบบขับเคลื่อน e-Power จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรีเท่านั้น ส่วนการขับเคลื่อนตัวรถนั้นเป็นหน้าที่ของมอเตอร์กำลังสูง
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าในนิสสันคิกซ์นั้นเป็น เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC ความจุ 1,198 ซีซี 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ความจุถังเชื้อเพลิง 41 ลิตร
ส่วนมอเตอร์ที่ใช้ขับเคลื่อนตัวรถนั้นเป็น มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 High Power พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที ป้อนกระแสไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion 1.57 kWh 4 Modules
ส่งกำลังขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ Single Speed แบบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป
สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบคือ ECO, Normal, Smart และ EV
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ : 23.8 กม./ลิตร อ้างอิงจากผลการทดสอบมาตรฐาน Eco Sticker การปล่อยก๊าซ Co2 อยู่ที่ 100 กรัมต่อกิโลเมตร
ต่อกันที่ฝั่งของ Toyota C-HR hybrid กันบ้าง
ระบบขับเคลื่อนของ C-HR นั้นเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
สำหรับเครื่องยนต์ของ C-HR นั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร (แรงม้าจากเครื่องยนต์เพียวๆ อยู่ที่ 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 142 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า จะทำให้มีกำลังรวมที่ 122 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม shift Lock
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ : 24.3 กม./ลิตร อ้างอิงจากผลการทดสอบมาตรฐาน Eco Sticker การปล่อยก๊าซ Co2 อยู่ที่ 95 กรัมต่อกิโลเมตร
จากตารางเปรียบเทียบ จะเห็นได้ว่าอัตราการประหยัดน้ำมันของทั้งสองนั้น
ไม่ได้หนีห่างกันมากมายอะไรนัก แถมกลายเป็นว่า ฝั่ง Toyota C-HR ทำได้ดีกว่าอีกด้วย แต่ในด้านของอัตราเร่งของรถนั้น ต้องยอมรับว่าฝั่งของนิสสันคิกซ์ อีพาวเวอร์มีตัวเลขแรงบิดที่ดูดีกว่าเยอะพอสมควร
ในส่วนของราคาค่าตัวของทั้งสองนั้น
ด้าน nissan kicks e-power นั้น รุ่นเริ่มต้นเปิดตัวที่ 889,000บาท
ส่วนตัวท็อปสุดนั้นมีค่าตัวที่ 1,049,000 บาท
ฝั่งของ Toyota C-HR รุ่น Hybrid นั้น เริ่มต้นที่ 1,069,000 บาท
และรุ่นท็อปสุดมีค่าตัวที่ 1,159,000 บาท
โดยสรุปแล้วทั้งสองรุ่นก็มีข้อเด่นข้อด้อยที่แตกต่างกัน และตัวเลขดังกล่าวก็เป็นเพียงตัวเลขจากหน้ากระดาษเท่านั้น ในการใช้งานจริงจะต้องมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาประกอบด้วย ฉนั้นก่อนเลือกซื้อรถซักคัน เราควรไปทดลองขับรถคันจริงก่อนว่า รถคันไหนที่ใช่สำหรับเราที่สุด